บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

วิทยาศาสตร์กับศาสนา




๏ ขณะนั้นค่อนดึกศึกสงบ
ต่างนอนนบนับถือพระฤๅษี
ไม่กริบเกรียบเงียบสงัดทั้งปฐพี
พระโยคีเทศนาในอาการ
คือรูปรสกลิ่นเสียงไม่เที่ยงแท้
ย่อมเฒ่าแก่เกิดโรคโศกสงสาร
ความตายหนึ่งพึงให้เห็นเป็นประธาน
หวังนิพพานพ้นทุกข์สนุกสบาย
ซึ่งบ้านเมืองเคืองเข็ญถึงเช่นนี้
เพราะโลกียตัณหาพาฉิบหาย
อันศีลห้าว่าอย่าทำให้จำตาย
จะตกอบายภูมิขุมนรก
หนึ่งว่าอย่าลักเอาของเขาอื่น
มาชมชื่นฉ้อฉลคนโกหก
หนึ่งทำชู้คู่เขาเล่าลามก
จะตายตกในกะทะอเวจี
หนึ่งสูบฝิ่นกินสุรามุสาวาท
ใครทำขาดศีลห้าสิ้นราศี
ใครซื่อสัตย์มั่นคงในขันตี
จะถึงที่พระนิพพานสำราญใจ๚



คำกลอนข้างบนนั้น เป็นของสุนทรภู่ จะเห็นว่า สุนทรภู่กล่าวถึง “นิพพาน” บ่อยมากในงานเขียนของท่านทุกเรื่อง

สุนทรภู่เป็นกวีคนแรกที่พิมพ์งานขายได้  กวีก่อนหน้านี้ ได้รับพระราชทานเงินจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเจ้านายชั้นสูงเป็นหลัก

การที่ “งาน” ขายได้ แสดงว่า คนไทยในยุคนั้น นิยมอ่านงานของสุนทรภู่มาก และก็แสดงให้เห็นว่า คนไทยในยุคของสุนทรภู่ รู้จักสวรรค์ รู้จักนรก รู้จักนิพพาน ทุกคนต่าง “หวังที่จะไปนิพพานกันทั้งนั้น”

นิพพานเป็นดินแดน เป็นสถานที่ ที่พุทธศาสนิกชนสามารถไปได้ทุกคน เพียงแต่บำเพ็ญบารมีให้มากพอก็แล้วกัน

ยุคของสุนทรภู่กับยุคปัจจุบันห่างกันประมาณ 200 ปี  ขอให้ดูคนไทยในยุคปัจจุบัน ไม่เชื่อนรก ไม่เชื่อสวรรค์ นิพพานไม่มี ใครเข้าถึงสภาวะนิพพานแล้ว หายไปเลย สูญสิ้นไปเลย

ระยะเวลาเพียง 200 ปี  ทำลายรากฐานความเชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษของไทยอย่างราบพนาสูญ ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น

ตัวการสำคัญก็คือ “วิชาการจากตะวันตก” คนไทยชอบบ้าของนอก แม้กระทั่งความคิด

เมื่อปรัชญากับวิทยาศาสตร์เข้ามา  นักคิด นักวิชาการ หันไปสมาทานเชื่อวิทยาศาสตร์กับปรัชญามากกว่าพระไตรปิฎก

พระภิกษุนั่นแหละตัวดีที่สุด  พระภิกษุสมัยนี้ จำนวนมาก “ไม่เชื่อนรก สวรรค์ บาปบุญคุณโทษ”  ไม่ฉิบหายชาตินี้ แล้วจะไปฉิบหายชาติไหน

ผมเป็นฆราวาสหัวดำ ปนหงอก จะนำความไม่ชอบมาพากลเหล่านั้น มาอธิบายความผิดพลาด และชี้ให้เห็นแนวทางแก้ไข

ขอบอกก่อนว่า วิทยาศาสตร์นั้นไม่ได้มีความผิดอะไร เพราะ นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ท่านไม่ได้นับถือศาสนาใดๆ อยู่แล้ว  ที่ผิดก็คือ “ทาสของวิทยาศาสตร์

พวกทาสวิทยาศาสตร์นั้น  มักจะคิดว่า วิทยาศาสตร์เป็นความจริงสูงสุด ดีเลิศประเสริฐศรีไปเสียหมด พวกนี้ส่วนใหญ่ “ไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์” เสียด้วยซ้ำ

ผมเองเป็นนักวิทยาศาสตร์โดยอาชีพ เพราะ ผมเรียนจบปริญญาโทสาขาภาษาศาสตร์ (Linguistics) ซึ่งเป็นวิทยาศาสตร์สาขาหนึ่ง และสอนวิชาภาษาไทยด้วยหลักการของภาษาศาสตร์

พวกทาสวิทยาศาสตร์มีความคิดที่ผิดอย่างไร  วิทยาศาสตร์จริงแล้ว เหมือนหรือไม่เหมือนกับศาสนาอย่างไร  โปรดติดตามอ่านบล็อกด้านล่างนี้

วิทยาศาสตร์กับศาสนา
01-วิทยาศาสตร์กับศาสนาพุทธ  http://religionsciemce.blogspot.com
02-ย่นระยะทางแบบไอน์สไตน์  http://Eiesteinshortdistances.blogspot.com
03-การระลึกชาติแบบฟิสิกส์ใหม่  http://newphysicsrebirth.blogspot.com
04-การเวียนว่ายตายเกิดมีจริง  http://rebirthisreal.blogspot.com/
05-สะกดจิตระลึกชาติ  http://raluekchat.blogspot.com/
06-แปลกแต่จริง  http://astonishingbutreal.blogspot.com/






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น