อาผมเป็นซูเปอร์แมน |
อาผมเป็นซูเปอร์แมนกับสายพองยุบ
เรื่องหลานชายของ "เฮนรี่ คาวิลล์" ถูกครูดุหาว่า โกหก กับ สายพองยุบเกี่ยวกันอย่างไร ค่อยๆ อ่านไปก็จะเข้าใจเอง
เอาเรื่องหลานของ "เฮนรี่ คาวิลล์" ก่อน มาจากข่าว **"เฮนรี่ คาวิลล์" เผยหลานครูถูกดุ หลังบอกอาเป็นซูเปอร์แมน** ของผู้จัดการออนไลน์
"เฮนรี่ คาวิลล์" เล่าว่า....
เขามีหลานชาย ซึ่งเป็นลูกของพี่ชาย ชื่อ "โธมัส" ครูฝรั่งมักจะให้เด็กกล้าแสดงออกโดยให้ออกมาเล่าเรื่องต่างๆ หน้าห้อง
โธมัสก็เล่าว่า "อาของผมเป็นซูเปอร์แมน" ครูก็ชอบเรื่องที่โธมัสเล่า แต่รับไม่ได้ เพราะ เป็นเรื่องโกหก
แต่โธมัสก็ยืนยันแบบหัวชนฝาว่า "อาของผมเป็นซูเปอร์แมนจริงๆ ผมพูดจริง ผมไม่ได้โกหก"
ครูของโธมัสก็ต้องเห็นว่า.... โธมัสนี่มันโกหกเป็นตั้งแต่ตัวแค่นี้ โกหกหน้าตายเสียด้วย.....
โตขึ้นมันจะโกหกได้ถึงขนาดไหน โกหกด้วยความบริสุทธิ์ใจเสียด้วย
มาถึงเรื่องการปฏิบัติธรรมของสายพองยุบกัน...
ณ ปัจจุบันนี้ งานวิจัยจำนวนมากได้สรุปเหมือนกันว่า......
*-*-*
การปฏิบัติธรรมของสายพองยุบ ใช้เพียง "ขณิกสมาธิ" พิจารณาเพียงอิริยาบถใหญ่ อริยาบถย่อยของสติปัฏฐาน ๔ เท่านั้น โดยพิจารณาว่า รูปนามเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
*-*-*
พวกสายพองยุบได้รับการสอนมาว่า "ทำเพียงแค่นั้นก็สามารถบรรลุมรรคผลนิพพานได้"
จะเห็นว่า "โธมัส" กับ "สายพองยุบ" มีความเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจเหมือนกัน แต่สิ่งที่เชื่อมัน "ไม่จริง" แต่ทั้ง "โธมัส" กับ "สายพองยุบ" ไม่รู้ ไม่เข้าใจ
กรณีของ "โธมัส" นั้น ในความคิดของเขา "อาของเขาเป็นซูเปอร์แมน" จริง ซึ่งก็จริง
แต่มันเป็นเพียงภาพยนต์เรื่องหนึ่งเท่านั้น "เฮนรี่ คาวิลล์" ยังเป็นพระเอกให้หนังอีกหลายเรื่อง
พวกสายพองยุบนั้น ผู้เรียนมีความเชื่อในทำนองเดียวกับ "โธมัส" คือ เชื่อว่า "ปฏิบัติแบบที่ทำอยู่" ก็สามารถบรรลุมรรคผลนิพพานได้
อย่างไรก็ดี สาวกของสายพองยุบมีอยู่ 2 กลุ่ม.....
กลุ่มแรกคือ ผู้เรียน กลุ่มนี้ ก็ต้องเชื่อไปตามที่วิปัสสนาจารย์สอน เพราะ ตัวเองก็ไม่ได้มีเวลาไปศึกษาเจาะลึก
กลุ่มที่สอง คือ "วิปัสสนาจารย์" กลุ่มได้ศึกษาศาสนาพุทธแบบเจาะลึก
พวกนี้ น่าจะรู้ น่าจะเห็นว่า "คำสอนของสายตนเองผิดไปจากพระไตรปิฎก" กล่าวคือ..........
[1].. การใช้เพียงขณิกสมาธิบรรลุพระอรหันต์ไม่ได้แน่ๆ เพราะ ในพระไตรปิฎกกำหนดไว้แน่นอนว่า "ต้องผ่านฌาน ๔" ขึ้นไป
[2].. สติปัฏฐาน ๔ เป็นทางสายกลางเพียงพระสูตรเดียวเท่านั้น พระสูตรอื่นๆ ทั้งหมดไม่ใช่
นี่เป็นความเข้าใจผิดมากๆๆๆ ทำให้วิปัสสนาจารย์สายพองยุบลงนรกกันไปว่าเล่น..
หลักฐานก็คือ "ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร" ปฐมเทศนา
*-*-*-*
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ปฏิปทาสายกลางที่ตถาคตได้ตรัสรู้แล้วด้วยปัญญาอันยิ่ง ทำดวงตาให้เกิด ทำญาณให้เกิด ย่อมเป็นไปเพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพานนั้น เป็นไฉน?
ปฏิปทาสายกลางนั้น ได้แก่อริยมรรค มีองค์ ๘ นี้แหละ คือปัญญาอันเห็นชอบ ๑ ความดำริชอบ ๑ เจรจาชอบ ๑ การงานชอบ ๑ เลี้ยงชีวิตชอบ ๑ พยายามชอบ ๑ ระลึกชอบ ๑ ตั้งจิตชอบ ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อนี้แลเป็นทุกขอริยสัจ คือ อุปาทานขันธ์ ๕ เป็นทุกข์
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อนี้แลเป็นทุกขสมุทัยอริยสัจ คือ กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อนี้แลเป็นทุกขนิโรธอริยสัจ คือ มรรค คือวิราคะ สละ สละคืน ปล่อยไป ไม่พัวพัน.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อนี้แลเป็นทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ คือ อริยมรรคมีองค์ ๘
*-*-*-*
จะเห็นว่า... มรรคมีองค์ ๘ ก็เป็นทางสายกลาง และเป็นทางสายกลางที่สำคัญมาก เพราะเป็น "ทางสายกลาง" ที่ทำให้พระพุทธเจ้า "ตรัสรู้"
ตรัสรู้ "อริยสัจ ๔" โดย "มรรค ๘" (ดูภาพ)
ใน "ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร" ปฐมเทศนานั้น พระพุทธเจ้าไม่ได้กล่าวถึง "สติปัฏฐาน ๔" เลย เพราะ เป็นหัวข้อธรรมะพื้นฐาน
ขอให้ไปอ่านหนังสือของพวกสายพองยุบ... เขาก็จะพยายามอธิบายให้ได้ว่า..
การพิจารณารูปนาม โดยการพิจารณาอิริยาบถใหญ่ อิริยาบทย่อย สามารถบรรลุมรรคผลได้
ก็พยายาม "ฉุดกระชากลากถู ตะแบงไปเรื่อย"
ใครก็ตามที่เคยไปเรียนกับสายพองยุบ ขอให้พิจารณาดูว่า...... ไปเรียน ไปฝึกปฏิบัติมากี่ครั้งๆๆๆๆๆ ก็สอนเหมือนเดิม กลับบ้านมาก็มึนๆ งงๆ เหมือนเดิม
ขอยืนยันหลักฐานจากการตรวจสอบด้วย #วิชาธรรมกาย อีกครั้งว่า....
1.. พระมหาสีสยาดอ
2.. พระมหาอาจ อาสโภ
3.. พระมหาโชดก
ตกนรกกันทั้งหมด เวลาเรียกมาสัมภาษณ์ที่ตีนเขาสุเมรุ มีไฟนรกประดับกายมาด้วย คิดเอาว่า ตกนรกลึกขนาดไหน
แล้วศิษยานุศิษย์ ที่สอนตามกันมา เชื่อตามกันมา ก็คงต้องลงนรกตามกันไป.... นั่นแหละ....
-------------------------
เขียนโดย ดร. มนัส โกมลฑา Ph.D. (สหวิทยาการ)
www.manaskomoltha.net
Facebook Fanpage: https://www.facebook.com/manas4299/
Line ID : manas4299
Youtube: https://www.youtube.com/user/mommeam4299/
โทรศัพท์ : 083-4616989
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น