บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

โครงการตรวจสอบอดีตชาติ


โครงการตรวจสอบอดีตชาติ

จากการที่ผมได้เขียนรายงานผลของโครงการต่างๆ เผยแพร่ไป ได้กล่าวถึง "อดีตชาติ" จึงมีคนมาทำบุญเพื่อขอตรวจสอบอดีตชาติ   มีผลของการตรวจสอบ  (บางส่วน) ดังนี้

คุณลูกค้าคนที่ ๑ ............

[1].. เป็นกายมนุษย์ผู้ชายสวยงาม สวมเครื่องแต่งกายของพญานาค

[2].. เป็นกายพญานาค ตัวใหญ่ สีเขียวเข้ม

[3].. เป็นผู้ชายตัวเล็กๆ ดำๆ เหมือนเป็นเขมร

[4].. เป็นเด็กผู้หญิงตัวดำๆ เล็กๆ

[5].. เป็นยายแก่ ผมหงอก

[6].. เป็นงู ตัวไม่ใหญ่มาก

[7].. เป็นชาวนาผู้ชาย ไม่สวมเสื้อ โพกผ้าขาวม้า

คุณลูกค้าคนที่ ๒  ............

[1].. เป็นช้างศึก สมัยอยุธยารบกับพม่า

[2].. เป็นลิง

[3].. เป็นปลาตะเพียน ท้องขาวๆ 

คุณลูกค้าคนที่ ๓  ............

[1].. เทวดาผู้ชาย ชั้น 2, 

[2].. เทวดาผู้ชาย ชั้น 3, 

[3]..พรหม ชั้น 1, 

[4].. พรหม ชั้น 4, 

[5].. ผู้หญิง น่งสไบ เหมือนเป็นชาววัง ,

[6].. พระ, 

[7].. กษัตริย์ มีมงกุฎ เหมือนอยู่เมืองไพสาลี สมัยพระพุทธเจ้า 

คุณลูกค้าคนที่ ๔  ............ ลูกค้าท่านนี้ ท่านตรวจสอบด้วยตัวเอง โดยที่ผมเป็นผู้บอกวิชา....

[1].. พญานาค ๓ เศียร 

[2].. พระ 

[3].. ขุนนาง 

[4].. ทหาร

[5].. ทหาร

[6].. โยคี 

[7].. โยคี

คุณลูกค้าพิเศษคือ ผมเองโดยคุณลูกค้าคนที่ ๔ เป็นผู้ตรวจสอบ และผมเป็นผู้บอกวิชา

เนื่องจากผมเคยเป็น "จักรพรรดิมาก่อน"  การระลึกชาติจึงระลึกชาตินับแต่ที่เป็นจักรพรรดิ  ....ก่อนหน้าที่จะเป็นจักรพรรดิ.... (ไม่รู้เหมือนกัน)

[1].. จักรพรรดิกายสีเขียวอ่อน กายใหญ่มากๆๆๆๆๆๆๆ

[2].. พญาศรีสัตตนาคราช  ลูกค้าคนที่ ๔ เป็นศิษย์

[3].. โยคี

[4].. เด็กวัด

[5].. เทวดา

[6].. ตำรวจ

[7].. ผู้ปฏิบัติธรรม

เนื่องจากมีผู้สนใจเป็นจำนวนมาก จึงเปิดโครงการใหม่อีก ๑ โครงการ  การดูอดีตชาตินี้ ทำให้เรา "เข้าใจชีวิต" มากขึ้น  บางคนก็ให้ตรวจสอบไปถึง "สามี" หรือญาติพี่น้องคนอื่นๆ ด้วย  ซึ่งเราสามารถตรวจสอบได้ทุกคน

ใครสนใจจะตรวจสอบดูว่า "เราเป็นใครมาเกิด"  ก็ติดต่อมาได้เลย

-------------------------

เขียนโดย ดร. มนัส โกมลฑา Ph.D. (สหวิทยาการ)

www.manaskomoltha.net

Facebook Fanpage: https://www.facebook.com/manas4299/

Line ID : manas4299

Youtube: https://www.youtube.com/user/mommeam4299/

โทรศัพท์ : 083-4616989

ใจหมองก่อนตาย ไปอบายด้วยบาป ใจใสก่อนตาย ไปสบายด้วยบุญ


ใจหมองก่อนตาย ไปอบายด้วยบาป ใจใสก่อนตาย ไปสบายด้วยบุญ

ผมไปอ่านพบคำสอนที่ว่า...  "ใจหมองก่อนตาย ไปอบายด้วยบาป ใจใสก่อนตาย ไปสบายด้วยบุญ"  ณ ที่แห่งใดแห่งหนึ่งในสื่อออนไลน์นี่แหละ

ไม่มีเวลาไปฟัง หรือไปอ่านโดยละเอียด  แต่ขอฟันธงไปเลยว่า..... 

*-*-*-*-*

คำสอนนั้น ไม่ถูกต้องโดยหลักการ เป็นการให้ความจริงเพียงส่วนเดียว

*-*-*-*-*

ขออธิบาย ดังนี้.....

จักรวาลทัศน์ของศาสนาพุทธ จะประกอบด้วย 3 ส่วนใหญ่คือ  นิพพาน, ภพ ๓, โลกันต์ 

ใครทำดีสูงสุด คือ ดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายธรรมพระอรหัต ขนาด ๒๐ วา ใสบริสุทธิ์ ไม่มีจุดดำเลย เมื่อตายแล้วจะไปอุบัติอยู่ในอายตนะนิพพานตลอดไป 

อาจจะบรรลุมรรคผลเป็นพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ หรือพระปัจเจกพุทธเจ้า

ใครทำชั่วสูงสุด คือ ดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายธรรมพระอรหัต ขนาด ๒๐ วา ดำบริสุทธิ์ ไม่มีจุดใสเลย

เมื่อตายแล้วจะไปเกิดใน "โลกันตนรก"  ชดใช้กรรมชั่วอย่างยาวนาน เมื่อหมดกรรมแล้ว (กรรมเหลือน้อย) ก็จะมาเกิดในโลกมนุษย์ เพื่อสร้างบารมีใหม่

ตอนนี้ ประเด็นของ "นิพพาน" กับ "โลกันต์"  ก็หมดไปแล้ว  เหลือเพียงภพ ๓ อันประกอบด้วย...

- อรูปภพ ของ อรูปพรหม

- รูปภพ ของ รูปพรหม

- กามภพ อันประกอบด้วย สวรรค์ ๖ ชั้น, มนุษย์ และ นรก เปรต อสุรกาย เดรัจฉาน

อรูปภพนั้น ต้องตายขณะทรงฌาน ๕ - ๘ 

รูปภพนั้น ต้องตายขณะทรงฌาน ๑ - ๔ 

ดังนั้น..... ตอนนี้ก็เหลือเพียง กามภพ คือ สวรรค์ ๖ ชั้น, มนุษย์ และ นรก เปรต อสุรกาย เดรัจฉานว่า 

"เมื่อเราตายไปแล้ว จะไปอยู่ภพไหน" และ "ตัวชี้วัดคืออะไร"

ตัวชี้วัดว่า.. เราจะเกิด ณ ที่แห่งใดใน "สวรรค์ ๖ ชั้น, มนุษย์ และ นรก เปรต อสุรกาย เดรัจฉาน" เป็นอะไร ระยะเวลายาวนานเท่าไหร่ ฯลฯ ก็คือ 

*-*-*-*-*

ดวงบุญ-ดวงบาป

*-*-*-*-*

ดวงบุญ-ดวงบาปจะคำนวณกันเอง และจัดการกันเอง  สำหรับดวงไม่บุญไม่บาปนั้น จะไปผสมโรงกับดวงไหนที่ใหญ่กว่า

ถ้าดวงบุญใหญ่กว่า ก็ไปเข้าข้างดวงบุญ ถ้าดวงบาปใหญ่กว่า ก็ไปเข้าข้างดวงบาป 

นี่คือหลักใหญ่..... 

สำหรับข้อความที่ว่า... ***ใจหมองก่อนตาย ไปอบายด้วยบาป ใจใสก่อนตาย ไปสบายด้วยบุญ***  นั้นเป็นกรณียกเว้น 

หลวงพ่อวัดปากน้ำ ท่านเรียกว่า "หลงตาย" 

กล่าวคือ.... ดวงบุญใหญ่กว่า ก็ควรจะไป "สุคติภูมิ"  แต่ปรากฎว่า "ช่วงที่จะตายนั้น นึกถึงแต่บาป"  

ดวงบาปจึงส่งผลให้ไป "ทุคติภูมิ" ก่อน

กรณีนี้ ถึงแม้จะเป็นกรณียกเว้นแต่ "ก็มีให้เห็นเป็นประจำ" 

ผมและคณะเคยไปช่วยสัตว์ในนรก  แค่บอกไปว่า "ให้นึกถึงบุญที่ทำไว้ อย่าไปนึกถึงบาป"  ก็มีสัตว์นรกหลุดจากนรกไปสวรรค์กันมากมาย 

มีบางกรณีเหมือนกัน ที่ "หลงตาย" ไปทางสุคติภูมิ 

มีพระรูปหนึ่งโด่งดังมากๆ ในเมืองไทยของเรานี่แหละ  ท่านไม่เชื่อพระไตรปิฎกว่า เป็นของจริงทั้งหมด

ท่านไปเชื่อวิทยาศาสตร์กับปรัชญามากกว่า

ท่านบอกให้ฉีกพระไตรปิฎกทิ้่งไปประมาณร้อยละ ๗๕  คือ เรื่องไหนที่ไม่เข้ากับวิทยาศาสตร์ เรื่องไหนไม่มีความเป็นเหตุเป็นผล ให้ฉีกทิ้งไป

ตอนนั้น ท่านอยู่บนสวรรค์ชั้น ๒   

ผมและคณะไปเรียกท่านมา... แล้วบอกว่า คำสอนของท่านนั้น ทำให้เราเผยแพร่ศาสนาลำบาก ท่านสอนไม่ถูก

ท่านก็แก้ตัวว่า.... ไม่นึกว่าจะเป็นอย่างนี้  ตอนนั้น กายเทวดาเริ่มหมองแล้ว

ผมบอกไปอีกว่า.... กรรมชั่วของท่านที่หนักหนาสาหัสก็คือ ยุให้คนฉีกพระไตรปิฎกทิ้ง

เท่านั้นเอง... ท่านลงนรกไปเลย   

เวลาผมไปสอนในนรก ท่านยังไม่ยอมฟังเลย หันหลังให้เสียด้วย

งอนว่าอย่างนั้นเถอะ ......... งอนมากๆ ก็อยู่ไปอีกนานๆ ก็แล้วกัน..

-------------------------

เขียนโดย ดร. มนัส โกมลฑา Ph.D. (สหวิทยาการ)

www.manaskomoltha.net

Facebook Fanpage: https://www.facebook.com/manas4299/

Line ID : manas4299

Youtube: https://www.youtube.com/user/mommeam4299/

โทรศัพท์ : 083-4616989


ขอเชิญทำบุญเพื่อตรวจสอบดวงบุญ-ดวงบาป


ขอเชิญทำบุญเพื่อตรวจสอบดวงบุญ-ดวงบาป

โลกมนุษย์ของเรานี้ เป็น "สนามกีฬากลาง" สำหรับการสร้างบารมี เพื่อให้ได้ไปอุบัติอยู่ในอายตนะนิพพาน  

แต่เมื่อเกิดมาแล้ว คนส่วนใหญ่จะถูก "กิเลส ๑๐๐๕ ตัณหา ๑๐๘" ครอบงำ ชักจูงให้ประพฤติตัวผิดไปจากทำนองคลองธรรม

อันส่งผลให้ไปเกิดในทุคติภูมิเสียเป็นส่วนใหญ่  ตามสำนวนที่เราคุ้นเคยกันว่า "ตกนรกเท่าขนวัว ขึ้นสวรรค์เท่าเขาวัว" 

แล้วอะไรล่ะ.. ที่เป็นตัวกำหนดให้เราไปเกิดใน... อบายภูมิ ๔ คือ นรก เปรต อสุรกาย เดรัจฉาน, หรือ สุคติภูมิ ๖ คือ สวรรค์ ๖ ชั้น, หรือ มนุษยโลก

*-*-*-*

คำตอบก็คือ.... ดวงบุญ-ดวงบาป

*-*-*-*

ดวงบุญ-ดวงบาปของเรานั้น จะคำนวณกันเองว่า ใครใหญ่กว่า ใครเล็กกว่า จะไปเกิดที่ไหนก่อน เป็นอะไร เป็นเวลาเท่าไหร่ 

จากภพนั้น ต่อไปเป็นภพอะไร ที่ไหน เป็นเวลาเท่าไหร่ ฯลฯ 

แล้วก็มาเกิดเป็นมนุษย์ใหม่ เพื่อสร้างบารมีกันอีก

ดังนั้น.... 

ถ้าเรารู้ว่า.... ณ ปัจจุบันนี้ ดวงบุญ-ดวงบาปของเรา  ใหญ่-เล็ก, ใส-ดำ ขนาดไหนอย่างไร  เราก็สามารถหาหนทางแก้ไขได้ 

ในลักษณะเดียวกัน  ถ้าเราอยากจะตรวจสอบบุคคลใกล้ชิด หรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง เช่น เราต้องการจะร่วมมือทำการค้ากับใคร  เราก็สามารถตรวจสอบดวงบุญ-ดวงบาปของเขาได้

ถ้าบุคคลคนนี้ มีดวงบาปใหญ่มาก ดวงบุญนิดเดียว ก็อย่าไปร่วมมือทำการค้าด้วย เพราะ จะเจ๊งอย่างเดียว

ใครต้องการที่จะตรวจสอบดวงบุญ-ดวงบาปของท่าน หรือของใครก็ตาม  ก็โอนเงินเข้าทำบุญกับมูลนิธิการุณย์ต้นปราบ  ส่งหลักฐานโอนเงินมาให้เรา

 เราจะตรวจสอบและรายงานกลับไปที่ท่าน

งานนี้.... เราเพื่อสะสมทุนเพื่อสร้างสำนักงานมูลนิธิการุณย์ต้นปราบ  ใครอยากจะตรวจสอบดวงบุญ-ดวงบาป ก็ติดต่อมาได้เลย

ในการตรวจสอบครั้งนี้  จะทำให้ดวงบุญของท่านใหญ่ขึ้นในระดับหนึ่ง และดวงบาปก็จะเล็กลงในระดับหนึ่ง

-------------------------

เขียนโดย ดร. มนัส โกมลฑา Ph.D. (สหวิทยาการ)

www.manaskomoltha.net

Facebook Fanpage: https://www.facebook.com/manas4299/

Line ID : manas4299

Youtube: https://www.youtube.com/user/mommeam4299/

โทรศัพท์ : 083-4616989


ขอเชิญทำบุญเพื่อตรวจสอบจักรพรรดิในพระเครื่อง, พระบูชา ฯลฯ




ขอเชิญทำบุญเพื่อตรวจสอบจักรพรรดิในพระเครื่อง, พระบูชา ฯลฯ 

คนไทยเรานับถือ "สิ่งศักดิ์สิทธิ์" มาก อะไรที่เห็นว่า "ศักดิ์สิทธิ์" คนไทยนับถือหมด  ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง 

เพราะ "สิ่งศักดิ์สิทธิ์" นั้นมี ๓ ภาค คือ ภาคพระ/ภาคขาว, ภาคมาร/ภาคดำ, และภาคเทาคือภาคเป็นกลาง

"สิ่งศักดิ์สิทธิ์" หรือ "จักรพรรดิ" นั้น  ถ้าเป็นภาคพระ ก็จะช่วยสนับสนุน คุ้มครองป้องกัน  แต่ถ้าเป็นภาคมาร ก็จะดูดบารมีของเราไป และให้ความทุกข์ ความเดือดร้อนแก่เรา 

ที่ภาคมารทำเช่นนั้นก็เพราะ "เป็นการสร้างบารมีของเขา

"สิ่งศักดิ์สิทธิ์" หรือ "จักรพรรดิ" นั้น คนส่วนใหญ่ "นับถือ" ไปโดย "ไม่รู้-ไม่เข้าใจ" อย่างลึกซึ้ง  

ใครโฆษณาว่า "ศักดิ์สิทธิ์" ก็จะแห่ไปเช่ามาบูชา เช่น... จตุคามรามเทพ, หรือ ไอ้ไข่" เป็นต้น 

#วิชชาธรรมกาย  เรามีความคุ้นเคยกับจักรพรรดิเป็นอย่างดี  หลวงพ่อวัดปากน้ำสอนวิธีการตรวจสอบไว้ดังนี้...

ขอยกตัวอย่างกรณีพระเครื่อง

[1].. เราก็ดูภาพพระเครื่อง นึกให้จำได้ คือ นึกภาพพระเครื่องมาเป็น "นิมิต"  นำภาพนิมิตของพระเครื่องเข้าไปตามที่ตั้งของดวงนิมิต ๗ ตำแหน่ง แล้วนำไปไว้ ณ ฐานที่ ๗

[2].. ส่งใจนิ่งไปที่ "กำเนิดเดิมของพระเครื่อง" ซึ่งก็คือ จุดศูนย์กลางของพระเครื่อง ท่อง "หยุดในหยุด นิ่งในนิ่ง ใสในใส, ดับอธิษฐาน ถอนปาฏิหาริย์, ถอนปาฏิหาริย์ ดับอธิษฐาน, หมุนขวาในหมุนขวาๆๆ (อย่างต่ำๆ ๓ รอบ) 

[3].. นึกให้จุดเล็กใส....ว่างออกไป เราจะเห็น "กายของจักรพรรดิ" อยู่ในท้องของเรา   เราเห็นกายก็รู้แล้ว่า... เป็นภาคไหน มีฤทธิ์ขนาดไหนอย่างไร 

[4].. ถ้าเป็นภาคมาร เราก็จะ "ดับละลาย" มารนั้น  ถ้าเป็นภาคขาว เราก็จะหมุนขวาให้ท่านเก่งขึ้น

[5].. ถ้าต้องการจะคุยกับท่าน ก็ต้องนำ "ใจ" ของเราไปซ้อนกับของพระองค์ ซ้อนให้เป็นดวงเดียวกัน แล้วก็สามารถซักถามพูดคุยได้ 

พระเครื่อง, พระบูชา หรือรูปเคารพของเรานั้น  ต้องเป็น "ภาคพระ/ภาคขาว" อย่างเดียว 

ใครต้องการที่จะตรวจสอบจักรพรรดิของท่าน ก็โอนเงินเข้าทำบุญกับมูลนิธิการุณย์ต้นปราบ  ส่งหลักฐานโอนเงินและภาพของพระเครื่อง, พระบูชามาให้เรา 

เราจะตรวจสอบและรายงานกลับไปที่ท่าน

งานนี้.... เราเพื่อสะสมทุนเพื่อสร้างสำนักงานมูลนิธิการุณย์ต้นปราบ  ใครอยากจะตรวจสอบพระเครื่อง พระบูชา ฯลฯ ก็ติดต่อมาได้เลย

-------------------------

เขียนโดย ดร. มนัส โกมลฑา Ph.D. (สหวิทยาการ)

www.manaskomoltha.net

Facebook Fanpage: https://www.facebook.com/manas4299/

Line ID : manas4299

Youtube: https://www.youtube.com/user/mommeam4299/

โทรศัพท์ : 083-4616989


ดวงตาเห็นธรรมเป็นอย่างไร?


ดวงตาเห็นธรรมเป็นอย่างไร?

มีคนไปตั้งคำถามในเว็บบอร์ดแห่งหนึ่ง ดังนี้....

*-*-*-*

มีคนเคยถามมาว่า "ผู้มีดวงตาเห็นธรรม" หมายความว่าอย่างไร คนนั้นจะเป็นอย่างไรแตกต่างจากปุถุชนอย่างไร? และที่สำคัญมีอะไรเป็นข้อยืนยันต่อคนคนนั้นว่า "มีดวงตาเห็นธรรม"

*-*-*-*

มีคนที่คิดว่า "ตัวเองรู้แล้ว" เข้ามาตอบเป็นจำนวนมาก แต่ก็ "ผิด" ทั้งนั้น  มีคนหนึ่ง เข้ามาตอบว่า....

*-*-*-*

ดวงตาเห็นธรรม ก็หมายว่า ดวงตาเรานี้ละ ปกติดวงตาของคนเราเวลาหลับมันยังมี "ม่านบังจักษุ" อยู่ ไม่เป็นการหลับที่แท้จริง มีการคิดต่อ พระอรหันต์นั้น "ม่านบังจักษุ" นั้นไม่มี 

*-*-*-*

นี่ก็เป็นคำตอบที่ออกทะเลไปกันใหญ่  "มั่วสุดๆ" 

ประเด็นเรื่องดวงตาเห็นธรรมนี้ อยู่ใน "ธัมมจักกัปปวัตนสูตร" พระสูตรแรกที่พระพุทธองค์ทรงสอนแก่พระปัจจวัคคีย์ ผู้ที่มีดวงตาเห็นธรรม "คนที่สองก็คือพระอัญญาโกญทัญญะ" 

ผู้ที่มีดวงตาเห็นธรรมคนแรกก็คือ พระพุทธเจ้า  (ดูภาพ) 

ข้อความแรกคือ..........

*-*-*-*

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปฏิปทาสายกลาง ไม่เข้าไปใกล้ที่สุดสองอย่างนั้น นั่นตถาคตได้ ตรัสรู้แล้วด้วยปัญญาอันยิ่ง ทำดวงตาให้เกิด ทำญาณให้เกิด ย่อมเป็นไปเพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพาน

*-*-*-*

ข้อความว่า "ทำดวงตาให้เกิด" นั้น  แสดงว่า "พระพุทธองค์ต้องมีตาใหม่เกิดขึ้น" เพราะ ตาของกายเนื้อของพระองค์มีอยู่แล้ว 

ตานี้มาพร้อมกับ "ญาณ/รู้"  ท่านเรียกว่า "ญาณทัสสนะ" 

ต่อมา เพื่อพระองค์ทรงเทศน์ให้พระปัจจวัคคีย์ฟัง  พระอัญญาโกญทัญญะก็มี "ตาใหม่เกิดขึ้น" เช่นเดียวกับพระองค์ 

มาว่ากันถึง "ตา" ก่อน... ว่าคือตาอะไร 

"ตา" นี้ก็คือ "ตาของกายละเอียด"  ในกรณีก็คือ "ตาของกายธรรมพระอรหัตละเอียด" เพราะ มีประสิทธิภาพสูงสุด  สามารถเห็น "ธรรม" และ "ความเกิดดับ" ของธรรมได้ 

แล้ว "ธรรม" คืออะไร................

คำว่า "ธรรม" นี้มีความหมายกว้างมาก  หมายถึงทุกสิ่งทั้งปวงในโลกนี้ก็ได้  

แต่ "ธรรม" ใน "ธัมมจักกัปปวัตนสูตร" นี้ หมายถึง "ดวงธรรมที่ทำให้เป็นกาย"  ดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายนี้ มีลักษณะคล้ายกับดวงแก้วใส 

ข้อความที่ว่า "ปราศจากธุลี ปราศจากมลทิน" ที่ขยาย "ธรรม" นี้ ก็แสดงให้เห็นว่า ธรรมเป็นดวงใสจริงๆ ไม่มีฝุ่น ไม่มีรอยเลย 

ดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายของพระพุทธเจ้า ของพระอัญญาโกณฑัญญะ เป็นดวงใสอย่างนั้นจริง 

แล้วอะไรคือ...

*-*-*-*-*

สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งมวล มีความดับเป็นธรรมดา

*-*-*-*-*

คำตอบก็คือ.... ดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายของกายมนุษย์, กายทิพย์, กายรูปพรหม, กายอรูปพรหม อันเป็นกายโลกีย์   ดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายโลกีย์นั้น 

*-*-*-*-*

เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เป็นธรรมดา

*-*-*-*-*

จะเห็นได้ว่า............

คำอธิบายของ #วิชชาธรรมกาย โดยหลวงพ่อวัดปากน้ำนี้  ชัดเจน สมเหตุสมผล มีหลักฐานทางภาษาศาสตร์รองรับ  

ประการสำคัญก็คือ ผู้ปฏิบัติธรรมตามคำสอนของหลวงพ่อวัดปากน้ำก็เห็นไปตามตำรา


-------------------------

เขียนโดย ดร. มนัส โกมลฑา Ph.D. (สหวิทยาการ)

www.manaskomoltha.net

Facebook Fanpage: https://www.facebook.com/manas4299/

Line ID : manas4299

Youtube: https://www.youtube.com/user/mommeam4299/

โทรศัพท์ : 083-4616989